เดือน: กรกฎาคม 2022

UFABETWIN ปาโบล ออสวัลโด้ : จอมแสบของเพื่อนร่วมทีม และชีวิตสไตล์ ร็อกแอนด์โรล

นักเตะอาชีพที่ได้ค้าแข้งกับทีมดัง ๆ ในยุโรป ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลเพียงหยิบมือที่ประสบความสำเร็จ มีผู้คนมากมายที่อยากไปอยู่จุดนั้นที่ทำให้ได้มาซึ่งเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ … และสิ่งเหล่านี้หลายคนเชื่อว่ามันคือที่สุดของความหอมหวาน หากได้ลองลิ้มชิมรสก็ยากที่จะยอมปล่อยมือจากมันได้

แต่นั่นไม่ใช่กับ ปาโบล ออสวัลโด้ นักเตะทีมชาติอิตาลี ที่พยายามทุ่มสุดตัวเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด แต่ในวันที่เขาคว้ามันมาได้ เขากลับเลือกจะทิ้งมันไปด้วยเหตุผลง่าย ๆ แค่ว่า

“คนไม่เข้าใจก็หาว่าผมบ้า ผมก็แค่อยากเล่นกีตาร์และเมาไปวัน ๆ” … ติดตามเรื่องราวของชายผู้เคยงัดกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, ต่อย เอริค ลาเมล่า, ไล่ยิงแฟนบอล, เอาหัวโขกหน้ากัปตันทีม, ทำลายห้องแต่งตัวจนพังพินาศ ได้ที่นี่กับขาตั้งหลัก

ปล่อยชีวิตไปกับสายลม

เรื่องราววัยเด็กของ ปาโบล “ดานี่” ออสวัลโด้ ไม่แตกต่างอะไรจากนักเตะระดับแถวหน้าของโลกคนอื่น ๆ นัก เขาเกิดที่เมืองลานุส ประเทศอาร์เจนตินา เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กและตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้มันเป็นอาชีพให้ได้ ตัวเขาเองไม่ได้หวังไกลไปถึงระดับได้เป็นนักเตะระดับโลกหรือไปเล่นในทีมระดับท็อปของยุโรปตั้งแต่แรก ฝันของเขานั้นเรียบง่ายคือแค่อยากจะเล่นให้กับ โบคา จูเนียร์ส ทีมดังของประเทศ ซึ่งเรื่องนี้เขามาเผยความเอาเมื่อตอนใกล้จะเลิกเล่น … เพียงแต่ว่าฝีเท้าและโชคชะตาได้พาเขาไปไกลยิ่งกว่าที่ตัวเองคาดหวังไว้

บังเอิญว่า ออสวัลโด้ ดันมีพรสวรรค์และพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขาเล่นระดับอาชีพในบ้านเกิดกับ อูรากัน ได้เพียงปีเดียวก็ได้ย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีกับ อตาลันตา โดยการย้ายทีมของเขาก็ง่ายดายเกินคาด เพราะเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเวิร์กเพอร์มิต หรือใบอนุญาตทำงานในอิตาลีเลยแม้แต่น้อยต่อให้เขาไม่เคยติดทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ก็ตาม เนื่องจากปู่ทวดของเขามีเชื้อสายอิตาเลียนที่อพยพไปตั้งรกรากที่อาร์เจนตินา ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้สัญชาติอิตาลี และลงเล่นให้กับอตาลันตาในทันที

อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น ออสวัลโด้ ไม่ใช่คนที่วางแผนชีวิตยาว ๆ มีเป้าหมายใหญ่ ๆ เหมือนกับนักเตะอีกหลายคน แต่เมื่อโชคชะตาได้นำพา เขาก็มีหน้าที่ต้องด้นสดรับบทบาทนั้นไป แม้เขาจะไม่ค่อยชอบเส้นทางนี้มากนัก

“ผมจำได้ดี ผมไปถึงแบร์กาโมตอนที่อายุ 20 ปี ตอนนั้นอยู่ในช่วงวันที่ 12 เดือนมกราคม อากาศกำลังหนาวสุด ๆ หิมะตกแทบไม่หยุด โรงแรมที่พักของผมอยู่ห่างไกลผู้คน ผมเปิดประตูห้องและร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว … ผมรู้แน่ว่าหลังจากนี้มันจะต้องเป็นเรื่องยากสำหรับผมแน่นอน”

“ไม่มีคนอาร์เจนตินาสักคน และผมอยู่ไกลบ้านที่สุดในชีวิต พอต้องซ้อมกับทีมผมก็เข้ากับใครไม่ได้เลยสักคน เพื่อน ๆ เขาจับกลุ่มคุยกันหัวเราะข้ามหัวผมไปมาด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ ผมรู้สึกหวาดระแวงและรู้สึกไปเองว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะผม”

“แต่ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ตัดสินใจแล้วก็ต้องไปต่อ ผมก็ค่อย ๆ พยายามปรับตัวเข้าหาคนอื่น แล้วมันก็เริ่มดีขึ้น” ออสวัลโด้ ให้สัมภาษณ์ย้อนกลับไปในวันที่เขามายุโรปครั้งแรก

ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ออสวัลโด้ ทำหน้าที่ของเขาได้ดี อตาลันตาที่ไม่ได้ใช้งานเขามากนักส่งตัวเขาไปให้กับ เลชเช่ ทีมร่วม เซเรีย บี ณ เวลานั้นที่ซื้อสิทธิ์ในตัวเขาคนละครึ่ง ก่อนจะได้ลงเล่นมากขึ้นจนไปเข้าตาทีมใหญ่อย่าง ฟิออเรนติน่า และย้ายไปอยู่กับ โบโลญญ่า ตามลำดับ แต่ออสวัลโด้ก็เล่าว่าตอนนั้นเขาไม่ได้มีความสุขสักเท่าไร

“นับวันฟุตบอลก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความชอบสมัยเป็นเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนผมเล่นกับเพื่อน ๆ แถวบ้านเราสนุกกันอย่างกับว่าเราเล่นนัดชิงฟุตบอลโลก ผมพยายามทำให้มันสนุกกับเหมือนกับตอนเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ที่อิตาลีมันไม่เป็นแบบนั้นเลย คุณถูกคาดหวังและวิจารณ์เยอะ ต้องเป็นแบบโน้นต้องเป็นแบบนี้ มันหนีไม่พ้นหรอกนอกจากคุณจะยิงได้ 15 ประตูใน 3 เกม” ออสวัลโด้ กล่าว

 

UFABETWIN

 

ปัญหาคือตอนนั้นแม้จะได้โอกาสลงเล่นในเซเรีย อา แต่ ออสวัลโด้ ก็เล่นไม่ออกเลยทั้งกับ ฟิออเรนติน่า และ โบโลญญ่า 3 ซีซั่นกับ 2 ทีมดังกล่าว ออสวัลโด้ ยิงได้แค่ 8 ลูก และนั่นทำให้เขาถูกแฟนบอลวิจารณ์ ซึ่งเขายอมรับว่ามันเป็นเรื่องกวนใจเขาที่สุด ณ เวลานั้น

ในตอนที่เล่นกับ ฟิออเรนติน่า แฟนบอลกลุ่มฮาร์ดคอร์ของทีมไม่ชอบในความไม่ทุ่มเทของเขา และนำเขาไปเปรียบกับดาวยิงอาร์เจนไตน์ตำนานสโมสรอย่าง กาเบรียล บาติสตูตา ซึ่ง ออสวัลโด้ ก็โดนตามด่าทั้งในสนามซ้อมทั้งในสนามแข่ง แต่บังเอิญว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบโดนฝ่ายเดียว มีเกม ๆ หนึ่งที่เขายิงประตูได้ในเกมเหย้าต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง ออสวัลโด้ฉลองประตูด้วยท่ายิงปืนกลแบบที่บาติสตูตาทำ เพียงแต่เขาหันปากกระบอกปืนใส่ฝั่งแฟนบอลของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอลเกือบจะลงมามีเรื่องกับเขาในสนาม และมันก็ทำให้เขาโดนใบเหลืองในจังหวะนั้น ข้อหาสร้างความวุ่นวายในสนามอีกด้วย

“แฟนบอลจ่ายค่าตั๋ว พวกเขามีสิทธิ์ไล่ด่าผมหรือไม่ ? แน่นอน พวกเขามีสิทธิ์ แต่พวกเขาก็ไม่ควรทำอะไรที่มันมากเกินไป ผมกลายเป็นเป้า แค่เสียบอลพวกเขาก็พร้อมจะแสดงความเกลียดชังใส่ผมแล้ว ผมว่ามันไม่ปกติ … ผมอยากจะบอกว่าเอาแบบนี้ไหมล่ะ ? ถ้าวันไหนแฟนบอลพวกนี้ทำอะไรที่ผิดกฎสนามหรือกฎหมายผมจะไล่บี้พวกเขา ปากล้วยใส่เขา ด่าแม่ของพวกเขาว่าทำไมถึงเลี้ยงลูกได้ห่วยแตกมาก ถ้าตามตรรกะผมคิดว่าแบบนี้มันก็ได้อยู่นะ” ออสวัลโด้ แย้มเป็นนัย ๆ ว่าเขาเริ่มเบื่อและอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างเพื่อตามหาคำ ๆ เดียวนั่นคือ “ความสุข” ในแบบนี้เขาไม่ได้สัมผัสมาหลายปี

เกิดใหม่ – ดับใหม่

นักเตะอย่าง ออสวัลโด้ ไม่ค่อยถนัดที่จะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนากับใคร นั่นจึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อนนัก โชคดีที่การย้ายทีมครั้งต่อไปช่วยเขาได้มากจริง ๆ เขาถูกส่งยืมตัวไปที่ เอสปันญอล ที่มี เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซือหนุ่ม ณ เวลานั้นกุมบังเหียนอยู่ในช่วงปี 2009

โปเชตติโน่ เป็นคนที่ทำงานกับนักเตะอายุน้อยได้ดี เขามักจะถามไถ่และพูดคุยกับนักเตะเพื่อให้นักเตะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ นอกจากนี้ชีวิตในสเปนของเขาก็ไม่ได้ถูกจับจ้องและจับผิดเหมือนกับตอนอยู่ที่อิตาลี นั่นทำให้เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม 2 ฤดูกาลกับ เอสปันญ่อล เขาเป็นดาวซัลโวของทีม 2 ซีซั่นติดต่อกัน ยิงได้ 26 ประตูจาก 42 เกม

“ที่สเปนผมเป็นอิสระ บางครั้งผมก็แค่อยากเป็นคนธรรมดาที่สามารถเดินเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ในเมืองได้ ซึ่งที่อิตาลีมันเป็นไปไม่ได้เลย ช่วงที่อยู่สเปนผมไปเดินเที่ยวแถบจัตุรัสกาตาลุนยา  บ่อยมาก ผมมีเพื่อน ๆ ที่พูดคุยกันรู้เรื่อง เพื่อนผมเป็นจิตรกรที่คอยวาดภาพผู้คนอยู่ที่จัตุรัส ส่วนผมก็ไปเล่นกีตาร์เปิดหมวกบ้าง พวกเขาจำผมไม่ค่อยได้ และนั่นเยี่ยมมากเลย มันคือความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์” ออสวัลโด้ กล่าว

ขณะที่ โปเชตติโน่ ก็บอกว่านั่นคือช่วงเวลาที่เขาจำได้ว่า ออสวัลโด้ สำคัญกับทีมขนาดไหน กองหน้าที่แม้จะไม่ได้เร็วมากแต่ทักษะดี จบสกอร์เก่งเซนส์บอลสูง ซึ่ง “พอช” ถึงขั้นบอกว่า “ผมจินตนาการถึงทีมเอสปันญอลที่ไม่มีออสวัลโด้ไม่ออกจริง ๆ” ซึ่งในซีซั่นนั้น (2010-11) ออสวัลโด้ ก็ยิงไป 14 ลูก และช่วยให้ทีมจบอันดับ 8 ของตารางคะแนน

ณ เวลานั้นแม้แต่ทีมชาติอิตาลีก็ยังอดใจไม่ไหว พวกเขาส่งทีมมาทาบทามออสวัลโด้ให้เลือกติดทีมชาติอิตาลีตามสัญชาติของปู่ทวด ความโดดเด่นของเขาทำให้เขาถูก โรม่า ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยราคา 15 ล้านปอนด์ ซึ่ง ณ เวลานั้นตัวของออสวัลโด้ไม่ได้อยากจะย้ายทีมเท่าไรนัก แต่เอสปันญอลก็เป็นทีมที่ต้องการเงิน และการซื้อออสวัลโด้มาด้วยราคาเพียง 4 ล้านปอนด์แต่กลับทำกำไรได้ถึง 3 เท่าภายในเวลาไม่ถึงปี ดังนั้นต่อให้นักเตะไม่อยากย้ายแต่ดีลนี้ก็ถูกผลักดันจนได้

ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ ออสวัลโด้ กำลังอยู่ในระยะเวลาของการขึ้นหม้อถึงขีดสุด เขาเล่นให้กับ โรม่า 2 ซีซั่น ยิงได้ถึง 30 ลูกจากการลงสนาม 58 นัด ความมั่นใจจากสเปนช่วยเขาได้จริง อย่างน้อย ๆ ก็เรื่องของฟอร์มการเล่น แต่สิ่งที่ติดตัวเขามาด้วยก็คือเมื่อเขาได้เป็นคนสำคัญของทีมเขาก็กลายเป็นตัวปัญหาในห้องแต่งตัวในเวลาเดียวกัน และโชคร้ายคือเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นแค่ในช่วงเวลาที่เป็นนักเตะแต่ยังมีปัญหากับครอบครัวด้วย

เขาสร้างวีรกรรมที่ทำให้หลายคนเอือม ทั้งการต่อยหน้า เอริค ลาเมล่า นักเตะรุ่นน้องในทีมระหว่างพักครึ่งในห้องแต่งตัว ปัญหาเกิดขึ้นจากเรื่องง่าย ๆ นั่นคือลาเมล่าไม่ยอมส่งบอลให้เขาที่อยู่ในพื้นที่ว่าง

“สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับลาเมล่าเป็นเรื่องของอารมณ์ร่วม … ผมรำคาญจริง ๆ ที่ต้องย้อนพูดถึงเรื่องนี้ แต่ผมเป็นกองหน้า แล้วกองหน้าจะยิงได้อย่างไรถ้าไม่มีบอล คนเป็นกองหน้ามันต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง ก็เขาไม่ส่งบอลให้ผม … แต่ถ้ามามองมันตอนนี้ เมื่ออารมณ์เย็นลงผมก็มาคิดแล้วก็เข้าใจเขา ถ้าผมมีเท้าซ้ายแบบเขาผมก็คงเป็นปีกที่หวงบอลเหมือนกัน” ออสวัลโด้ รับสารภาพ

แม้จะมีประตูเยอะแต่ออสวัลโด้ก็เป็นที่เอือมระอาของทุกคน ออสวัลโด้ชอบเล่นตามใจตัวเอง คุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ เขาโดนใบแดงรวม 4 ใบ (แดงตรง 3 สองเหลือง 1) ตลอด 2 ปีที่อยู่กับทีม และก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ที่ทำให้แฟนบอลพร้อมใจกันหันหลังให้เขาจนเขาอยู่โรม่าต่อไม่ได้ นั่นคือการแย่งยิงจุดโทษจาก ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ตำนานตลอดกาลของโรม่า ซ้ำร้ายที่การเขาแย่งยิงจุดโทษครั้งนั้นดันจบลงด้วยการที่เขายิงไม่เข้า และ โรม่า จบเกมด้วยการเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ ซามพ์โดเรีย 1-3

แฟนบอลโรม่าถึงขั้นเกลียดออสวัลโด้เลยจากเหตุการณ์นั้น ถึงขนาดที่ว่าคู่กรณีอย่างต็อตติยังออกมาปรามแฟน ๆ ของทีมว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่จังหวะฟุตบอล และตัวของเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร เพียงแต่ว่ามันไม่ทันแล้ว ออสวัลโด้ทำตัวเป็นปัญหาบ่อยเกินไป เขากลายเป็นเป้าของแฟน ๆ เหมือนกับตอนที่อยู่กับฟิออเรนติน่าไม่มีผิด

หลังปิดซีซั่น บอร์ดบริหารปักป้ายขายออสวัลโด้ ชื่อเสียงในด้านลบของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าลองของ นอกเสียแต่คน ๆ เดียวที่รู้จักกันเป็นอย่างดี … โปเชตติโน่ เลือกไว้วางใจลูกทีมเก่าของเขาด้วยการยื่นข้อเสนอ 15 ล้านปอนด์ ดึงตัวออสวัลโด้จาก โรม่า มาอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีก

 

UFABETWIN

 

คนคุ้นเคย ทรงบอลคุ้นขา ใคร ๆ ก็คิดว่าเกิดแน่ ทว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบจริง ๆ สำหรับอาชีพนักฟุตบอลของออสวัลโด้

ชีวิตที่ต้องการ

ออสวัลโด้ ไม่ทันได้โชว์ศักยภาพในสนามเลยด้วยซ้ำที่เซาธ์แฮมป์ตัน อย่างที่ได้กล่าวไว้เขาเป็นคนที่เล่นตามอารมณ์ พอเขาเริ่มหงุดหงิดและมีปัญหาเขาก็มักเลือกที่จะก่อเรื่องเพิ่มมากกว่าสะสาง

ออสวัลโด้ พังห้องแต่งตัวของเซาธ์แฮมป์ตันอย่างเละเทะ นอกจากไม่สนใจ ไม่ทุ่มเทแล้ว เขายังมีเรื่องในสนามแข่งด้วยการตะลุมบอนข้างสนามในเกมพบกับ นิวคาสเซิล จนโดนแบน 3 เกม แถมยังมีเรื่องกับ โชเซ ฟอนเต้ กัปตันทีมนักบุญ เนื่องจากฟอนเต้มาต่อว่าเขาเรื่องการซ้อมที่เหยาะแหยะ ก่อนที่ ออสวัลโด้ จะสวนใส่ ฟอนเต้ ด้วยการเฮดบัตต์เข้าเต็มหน้า จนเดือดกันทั้งสนามฝึกซ้อม

สโมสรสั่งพักงานเขาทันที่ 2 สัปดาห์เพื่อให้ตั้งสติ แต่ไม่ทันแล้วออสวัลโด้กระเจิดกระเจิงไปไกล นักเตะทั้งทีมคว่ำบาตรเขา และให้โปเชตติโน่ต้องตัดสินใจตัดก้อนเนื้อร้ายด้วยการพยายามขายออสวัลโด้ออกไปแต่กลับขายไม่ออก สุดท้ายจึงต้องจบด้วยการปล่อยยืมให้กับ ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ โบคา จูเนียร์ส จนกระทั่งมีการยกเลิกสัญญาในท้ายที่สุด

โปเชตติโน่ คือคนที่รับผิดชอบกับเรื่องนี้ และได้บทเรียนอย่างมากกับการกระทำของออสวัลโด้ จนถึงขนาดที่ยืนยันด้วยตัวเองว่า “ต่อไปนี้เขาจะไม่ทำผิดพลาดในการซื้อนักเตะแบบที่เคยทำกับออสวัลโด้อีกแล้ว”

“ผมยอมรับเต็มประตูเลยว่าผมทำงานผิดพลาด ผมเห็นปัญหาที่เขาทำกับฟอนเต้ และผมคิดในใจว่า ไม่มีการเซ็นสัญญาไหนของผมเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว เมื่อคุณเป็นนักเตะอาชีพ ระเบียบวินัยและพฤติกรรมที่ดีสำคัญพอ ๆ กับผลงานในสนาม คุณต้องเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมทีม สิ่งที่เขาทำถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เราต้องจัดการเขาเพื่อให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวกลับมาดีอีกครั้ง” โปเชตติโน่ กล่าว

ชื่อของ ออสวัลโด้ ค่อย ๆ หายไปจากสารบบของฟุตบอลในฐานะจอมแสบสำหรับเพื่อนร่วมทีมหลาย ๆ คนที่เคยมีอดีตร่วมกับเขา การไม่มีใครเอาสำหรับนักเตะอาชีพถือเป็นเรื่องเลวร้าย คุณไม่มีสโมสรอยู่ก็เท่ากับว่าคุณไม่มีค่าจ้าง และนั่นจะเป็นปัญหากับชีวิตของคุณแน่เมื่อชีวิตมีแต่รายจ่ายแต่ไม่มีรายรับ

น่าแปลกที่ความตกต่ำนี้กลับเป็นเรื่องที่ออสวัลโด้เฝ้ารอ เขามีเงินเก็บจำนวนมากพอที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ นั่นคือการเที่ยวออกตามหาแรงบันดาลใจ ทำวงดนตรี แม้ในช่วงการว่างงาน 3 เดือนในช่วงปี 2016 จะมีทีมในเซเรีย อา อย่าง คิเอโว ติดต่อเขา แต่ออสวัลโด้ก็ยืนยันด้วยตัวเองว่าเขาจะเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว เพราะเขาสนุกกับชีวิตที่ไม่ต้องโดนใครคาดหวังมากกว่า

“ช่วงท้าย ๆ ของอาชีพนักฟุตบอล ผมเหมือนเป็นโรคกลัวสังคม ผมไม่อยากออกจากบ้าน ผมได้สัญญาสวย ๆ ไม่น้อยจากทีมระดับแชมเปี้ยนส์ลีกรวมถึงสโมสรจากจีน แต่ผมพอแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผมหาตัวเองเจอ ผมตกผลึกและคิดว่าตอนนี้ฟุตบอลที่เคยเป็นสิ่งที่ผมเคยรักได้กลายเป็นสิ่งที่ผมเกลียด … ถ้าผมจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมก็คงต้องรับผิดชอบและเคารพหน้าที่ของตัวเอง แต่ขอเถอะ ผมชัดแจ้งแล้วผมแค่อยากกินเนื้อย่างและดื่มเบียร์มากกว่าหาเงินแล้ว”

“ฟังดูบ้าใช่ไหม ? แต่ถ้าไม่เป็นผมก็คงไม่เข้าใจหรอก ผู้คนชอบบอกกับผมว่า ‘คุณบ้ามาก คุณมีทุกอย่างก็เพราะฟุตบอล ได้เล่นกับทีมที่ดีที่สุดในโลก แต่ดันแขวนสตั๊ดเพื่อมานั่งดื่มและเล่นดนตรีแบบนี้’ … ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ผมรู้สึกว่าบางทีชีวิตมันก็ต้องตามหาความชอบให้เจอ การได้อยู่กับสิ่งที่ชอบยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว” ออสวัลโด้ กล่าว

“ผมเหมือนวิญญาณที่เป็นอิสระ หลายคนถามผมว่าทำไมไม่ตั้งใจซ้อม ไม่อยากยอดเยี่ยมแบบเมสซี่เหรอ … ผมจะตอบตรง ๆ เลยนะว่าผมอยากจะเก่งฟุตบอลเหมือนเขา แต่ผมไม่อยากเป็นตัวเขาเลย เขาเหมือนกับคนไร้ชีวิตเหมือนกับติดอยู่ในคุกที่ทำมาจากทอง เขาไม่สามารถไปเที่ยวที่ไหนหรือหาที่ดื่มเงียบ ๆ ได้ … ผมรู้ว่าเขาไม่สนเรื่องพวกนี้หรอก แต่สำหรับผม ผมโคตรจะต้องการมันมาก ๆ เลย”

ออสวัลโด้ ไปได้ดีพอสมควรกับอาชีพหลังเลิกเล่นฟุตบอล เขาได้รับงานถ่ายแบบหลายเจ้าด้วยหน้าตาทรวดทรงที่หล่อเหลา เขาได้ออกไปเล่นดนตรีและตั้งวงร็อคที่มีชื่อว่า  มีงานเล่นประจำที่บาร์เซโลน่า ทุกคืนเขาได้พบกับผู้คนมากมาย ได้ดื่มกิน และได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

การเป็นจอมแสบของเขาได้ปิดฉากลงไปพร้อม ๆ กับการโบกมือลาโลกฟุตบอล (แม้จะแวบกลับมาเล่นให้ แบนฟิลด์ ทีมในบ้านเกิดช่วงสั้น ๆ 6 เดือน เมื่อปี 2020 ก็ตาม) ออสวัลโด้ยังบอกอีกว่าถ้าเขารู้แบบนี้เขาคงไม่เล่นฟุตบอลให้ทรมานตัวเอง และทำร้ายความรู้สึกคนอื่น ๆ มานานขนาดนี้แน่นอน … ตอนนี้เขาได้เจอชีวิตที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

“ฟุตบอลไม่ใช่ความฝันของผม ผมยอมแพ้ให้กับมัน แต่ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากแล้วว่าผมอยากเป็นนักดนตรีร็อคหรือบลูส์ หรือเป็นนักเขียนก็ได้ ผมชอบบทกวีและบทเพลง”

“เมื่อนานมาแล้วผมอาจจะเคยบอกว่าผมอยากเป็นนักฟุตบอล และผมก็ได้ทำมัน พอผมไปถึงจุดนั้นและได้รู้จักมันจริง ๆ มันช่วยให้ผมได้คำตอบว่าจริง ๆ มันก็ไม่มีอะไรมากมาย ผมพูดได้เต็มปากเพราะผมไปถึงจุด ๆ นั้นมาแล้วด้วยตัวเอง”

“ผมลาออกจากวงการฟุตบอลและไม่รู้สึกหนักใจอีกต่อไป ผมรู้สึกอิสระและผ่อนคลาย แน่นอนยิ่งกว่า 100% คือตอนนี้ผมโคตรจะมีความสุขกับชีวิตมากเลย” ออสวัลโด้ กล่าวทิ้งท้าย

UFABETWIN

UFABETWIN โจ โกเมซ เล่าถึงการคุยกับ ดาร์วิน นูเนซ ครั้งแรกหลังย้ายมาลิเวอร์พูล

UFABETWIN

การเซ็นสัญญากับดาร์วิน นูเนซ ที่มีศักยภาพของลิเวอร์พูลทําให้โจ โกเมซ กองหลังรายนี้ต้องเปิดใจถึงการเผชิญหน้ากับกองหน้าชาวอุรุกวัยที่อุดมสมบูรณ์

โจ โกเมซ ทําให้ ดาร์วิน นูเนซ ตระหนักดีถึงคุณภาพ ของเขาเมื่อทั้งคู่ได้คุย กันครั้งแรกกับลิเวอร์พูล ในช่วงแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โกเมซได้พบกับกองหน้าชาวอุรุกวัย ซึ่งกําลังสนุกกับเปญฝ่า วงล้อมกับเบนฟิก้า ทีมจากโปรตุเกส เสมอกันที่แอนฟิลด์ 3-3 โดยโกเมซเล่นใน ตําแหน่งแบ็กขวาในค่ําคืนนั้น

นูเนซทําประตูในนัดที่เร้าใจ และทิ้งร่องรอยของ เขาไว้บนกองหลัง ลิเวอร์พูล ตอนนี้พวกเขาเป็น เพื่อนร่วมทีมหลังจาก ที่หงส์แดงได้รับ ข้อตกลงที่เป็น ไปได้ในการสร้างสถิติ สโมสรเพื่อนํากอง หน้ามาสู่แอนฟิลด์ แทนที่ซาดิโอมาเน่ที่จาก ไปในขณะนี้ โกเมซได้รับแรงหนุน จากการมาถึงของนูเนซ – และทําให้เพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของเขารู้จัก

ชาวอังกฤษพูดถึงนูเนซว่า “เขามีจังหวะ ที่พลิกผัน! ฉันพูดกับเขาทัน ทีที่ฉันเห็นเขาใน ห้องกายภาพบําบัด ‘คุณทําให้ฉันลําบาก!’ เห็นได้ชัดว่าเขา เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และเช่นเดียวกับ การเซ็นสัญญาใหม่ ที่เหลือทําให้เยาวชน เข้ามาในทีมมากขึ้น และมีอายุยืนยาวขึ้น มันเป็นช่วงเวลา ที่น่าตื่นเต้นและมัน เป็นคําแถลงใหญ่ จากสโมสรในการ เซ็นสัญญาครั้งใหญ่ นอกเหนือจากความแข็ง แกร่งที่เรามีอยู่แล้ว”

ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ คาลวิน แรมซีย์ ยังได้ย้ายไปเล่นใน แอนฟิลด์ขณะที่หงส์แดง มองหาการเสริมทัพใน ฤดูกาลนี้ที่ทําให้ พวกเขาคว้าเครื่องเงิน ได้สองชิ้น นูเนซ จะมีความสําคัญ อย่างยิ่งในเปญที่ จะมาถึง โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเมื่อหงส์แดงได้เห็นมาเน่, ทาคูมิ มินามิโนะ และ ดิว็อค โอริกี้ ออกจากสโมสร

เจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกบังคับให้ต้อง ปกป้องการเซ็นสัญญา ใหม่ของเขาหลังจาก ที่เขาพลาดโอกาสทอง ในความพ่ายแพ้ช่วง พรีซีซั่นโดยแมน เชสเตอร์ยูไนเต็ด นายใหญ่ลิเวอร์พูล ไม่ได้กังวลกับความสนใจ ที่รวบรวมมา แต่เน้นถึงคุณสมบัติ ของการมาใหม่ของเขา

“ผมไม่กังวลเลย” คล็อปป์ กล่าว “การตัดสินทั่วไป [บนนูเนซ] เป็นที่สนใจอย่างมาก [สําหรับเรา] มันจะเป็นแบบนี้และ เราทุกคนรู้ดี มันเป็นเกมหรือ เรื่องตลกสําหรับบางคน ที่จะเลือกบางสถานการณ์ ที่ผู้เล่นทําได้ไม่ดี นี่เป็นเพียงเกมจาก [แฟนๆ ของ] สโมสรอื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ”

เขากล่าวเสริมว่า “สิ่งสําคัญเพียงอย่างเดียวคือวิธีที่ผมตัดสินสถานการณ์ของนักเตะ และผมก็ไม่สามารถใจเย็นๆ ได้มากกว่านี้กแล้ว [ฉัน] เชื่อมั่นในศักยภาพของเขาอย่างสมบูรณ์”

กุนซือลิเวอร์พูลยังได้รับแรงหนุน จากการตัดสินใจของ โกเมซในการเซ็นสัญญา ฉบับใหม่ซึ่งจะทําให้ เขาอยู่ที่แอนฟิลด์จนถึงปี 2027 แอสตัน วิลล่า มีความกระตือรือร้น แต่นักเตะก็เลือก ที่จะอยู่ต่อ โดยระบุว่า “มันเป็นสถานที่ ที่ไม่น่าเชื่อเลย ในสายตาของ ฉันอาจเป็นหนึ่ง ในสโมสรที่ดีที่สุด – ถ้าไม่ใช่สโมสร ที่ดีที่สุดใน โลกในนาทีนี้ โอกาสที่จะขยาย เวลาการพักที่นี่ เป็นการตัดสินใจ ที่ง่ายจริงๆ”

UFABETWIN

โจ โกเมซ ยกปิดฉากการ “ประจบสอพลอ” เรอัล มาดริด ก่อนจะต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล

โจ โกเมซ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับเรอัล มาดริด แชมป์ยุโรป และแอสตัน วิลล่า ทีมจากพรีเมียร์ลีก ก่อนจะตกลงสัญญาฉบับใหม่ 5 ปีกับลิเวอร์พูล

โจ โกเมซ ยืนกรานว่าเขาใช้ข่าวลือเรื่องการย้ายทีม “ด้วยเกลือนิดหน่อย” หลังจากเพิกเฉยต่อการเก็งกําไรที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ 5 ปีกับลิเวอร์พูล

กองหลังวัย 25 ปีตกลงที่จะเดินทางต่อไปในการเล่นฟุตบอลของเขาที่เมอร์ซีย์ไซด์แม้จะไม่มีนาทีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเพียง 8 นัดภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และกําลังเข้าใกล้จุดหนึ่งในอาชีพค้าแข้งที่เขาต้องลงเล่นอย่างสม่ําเสมอ

โกเมซได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ขา และข้อเท้าอย่างรุนแรงในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลิเวอร์พูล และเพิ่งลงเล่นให้สโมสรไปเพียง 166 นัดจนถึงปัจจุบัน โดยหมวกทีมชาติอังกฤษครั้งล่าสุดของเขาจะมาในปี 2020 เขาถูกเชื่อมโยงกับการย้ายทีมช่วงซัมเมอร์ แต่ไม่ได้รับข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม

มีรายงานว่าเรอัล มาดริด กําลังติดตามสถานการณ์ของนักเตะรายนี้โดยแอสตัน วิลล่า ของสตีเว่น เจอร์ราร์ด แสดงความสนใจเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ในการให้สัมภาษณ์กับลิเวอร์พูล  โกเมซได้เปิดเผยว่าการจรดปากกาลงบนกระดาษในข้อตกลงระยะยาวเป็นความคิดเดียวของเขา

“ผมเถียงไม่ได้ว่าผมได้ยินข่าวลือเหล่านี้ แต่จนกว่าทุกอย่างจะเป็นรูปธรรมกับตัวแทนของผม ผมก็เอามันทั้งหมดไปด้วยเกลือนิดหน่อย” “ความสนใจใด ๆ ก็ประจบประแจง

“แต่ผมไม่ได้มองว่ามันเหมือนกับสิ่งที่ทําให้ไขว้เขวมากนักเพราะจนกว่าผมจะตัดสินใจเสียงภายนอกก็แค่นั้น – ภายนอก เมื่อผมได้หัวของฉันรอบสิ่งที่ฉันต้องการที่จะทํา, การลงนามของฉันคือฉันเข้าใจความท้าทายและต้องการที่จะลุกขึ้นเพื่อมัน. ”

โกเมซกล่าวต่อไปว่า “ผมเข้าใจได้ว่าทําไมผู้คนถึงคิดว่าผมกําลังคิดที่จะเดินหน้าต่อไปแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ชัดจากอายุของฉันตอนนี้และจากโอกาสของฉันในอดีตยังมีการตัดสินใจให้ฉันทําอย่างแน่นอน

“ผมคิดว่าคุณคงมองว่ามันเป็นทางแยก แต่การได้คุยกับสโมสรผมรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจครั้งสําคัญสําหรับผม โดยพื้นฐานแล้วโอกาสที่ผมมีที่นี่และแพลตฟอร์มและโอกาสที่จะได้อยู่กับสโมสรแห่งนี้เป็นสิ่งที่ยากที่จะเดินออกไป โดยพื้นฐานแล้วฉันยอมรับความจริงที่ว่าฉันต้องรับมือกับความท้าทายนี้”

คล็อปป์มีเซ็นเตอร์แบ็คหลายคนในการกําจัดของเขา – รวมถึงเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจเอล มาติป และอิบราฮิมา โคนาเต้ – แต่ยืนยันว่าโกเมซเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขา “โจโดดเด่น – เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่โดดเด่นและเป็นเด็กที่ดีกว่า” คล็อปป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนมีนาคม UFABETWIN

UFABETWIN

UFABETWIN ไรจ์การ์ด, กุลลิต & ฟาน บาสเท่น : เบื้องหลัง 3 ทหารเสือและแชมป์แรกฟุตบอลดัตช์

ไรนุส มิเชลส์ คือตำนานกุนซือชาวดัตช์ผู้เชื่อมั่นในวิธีการเล่นแบบ “โททัล ฟุตบอล” ซึ่งเป็นต้นแบบการเล่นของฟุตบอลสมัยใหม่

อย่างไรก็ตามแม้หลายคนจะบอกว่าเจ๋ง แต่ “โททัล ฟุตบอล” ของเนเธอร์แลนด์กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาเป็นแชมป์รายการใด ๆ ในระดับเมเจอร์ได้เลย … และเมื่อมีข้อสงสัยก็ต้องหาคำตอบว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ? ทำไมสิ่งที่ถูกเรียกว่าสมบูรณ์แบบจึงไม่ประสบความสำเร็จ ?

กระทั่งปี 1988 มาถึง กุญแจ 3 ดอกสู่ “โททัล ฟุตบอล ที่สมบูรณ์แบบที่สุด” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ผ่าน 3 แข้งพรสวรรค์อย่าง แฟรงก์ ไรจ์การ์ด, รุด กุลลิต และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น

เมื่อมี 3 คนนี้ ไรนุส มิเชลส์ ก็รู้วิธีดัดแปลงแทคติกก้นกุฎิของเขา ก่อนบันดาลแชมป์แรกและแชมป์เดียวให้กับเนเธอร์แลนด์ได้สำเร็จ…

เบื้องหลังของ 3 ยอดแข้งชุดแชมป์ยูโร 1988 คืออะไร ? ทำไมพวกเขาจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโททัลฟุตบอล

แกน 4 ประการ

ทีมฟุตบอลที่จะประสบความสำเร็จทุกยุคทุกสมัยมักจะมีส่วนประกอบที่เรียกกันว่า “แกนหลัก 4 ตำแหน่ง” ที่คุณสามารถย้อนกลับไปดูทีมแชมป์โลกหรือแม้แต่แชมป์ยุโรปทีมใดก็ได้ พวกเขาจะต้องมีนักเตะ 4 ตำแหน่งที่เก่งมาก ๆ ในระดับที่ใช้ “แบกทีม” ได้ไม่ว่าส่วนประกอบรอบข้างจะเป็นใคร

และ 4 ตำแหน่งที่ว่าคือ เซ็นเตอร์แบ็ก, กองกลางตัวรับ, กองกลางตัวรุก และ ศูนย์หน้า … ไม่ใช่ว่าตำแหน่งอื่น ๆ ไม่สำคัญ แต่ 4 ตำแหน่งนี้มีบทบาทที่ชัดเจนมากที่สุด เซ็นเตอร์แบ็ก คอยปัดป้องก่อนบอลจะไปถึงด่านสุดท้าย, กองกลางตัวรับช่วยให้งานของเซ็นเตอร์ฮาล์ฟสบายขึ้นและช่วยให้ทีมได้ครองบอลเล่นเกมบุกต่อเนื่อง, กองกลางตัวรุกช่วยให้ทีมได้เล่นเกมบุกอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่กองหน้าพวกเขามีหน้าที่จบสกอร์ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่ใช้ชี้วัดผลแพ้ชนะ

สิ่งที่กล่าวมาอาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จของแชมป์ทุกทัวร์นาเมนต์ แต่ที่แน่ ๆ มันคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เนเธอร์แลนด์ สามารถคว้าแชมป์เดียวในระดับเมเจอร์ของพวกเขาได้ นั่นคือแชมป์ยูโร 1988

คนแรกคือ โรนัลด์ คูมันน์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ขณะที่อีก 3 คนที่เหลือคือคนที่ได้รับการยกย่องและมีคำชมถึงพวกเขามากที่สุด กองกลางตัวรับอย่าง แฟรงก์ ไรจ์การ์ด, ตัวรุกอย่าง รุด กุลลิต และกองหน้าอย่าง มาร์โก ฟาน บาสเท่น ทั้ง 3 รวมกันถูกเรียกในฉายาว่า “3 ทหารเสือดัตช์”

แม้ก่อนหน้านี้ เนเธอร์แลนด์ จะมีนักเตะเทวดาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้แชมป์ในระดับเมเจอร์มาก่อนเลย จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงยุค 80s ในวันที่ 3 ทหารเสือดัตช์โด่งดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน โลกจึงได้เห็นถึงวิธีเล่นที่แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างได้ในช่วงเวลาที่บีบหัวใจ และในจังหวะที่ทีมต้องการประตูเพื่อผลการแข่งขัน

เหตุผลที่ทีมชุดยูโร 1988 ของเนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์ได้สำเร็จมีอะไรแตกต่างจากยุคของนักเตะผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ครัฟฟ์ ล่ะ ? คำตอบนี้ถูกบอกเล่าผ่านอัตชีวประวัติของ ไรนุส มิเชลส์ กุนซือผู้ได้ฉายาว่า “ท่านนายพล” และ “ก็อดฟาเธอร์ของวงการฟุตบอลดัตช์” โดยเขาให้เหตุผลว่า เมื่ออยากได้ผลลัพธ์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการบ้าง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณภาพนักเตะที่มี

เนเธอร์แลนด์ เป็นฟุตบอลในระบบการเล่น 4-3-3 มาอย่างยาวนาน แบบที่โลกรู้จักกันว่า “โททัลฟุตบอล” หรือวิธีการเล่นที่พึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งให้น้อยที่สุดและอาศัยการเป็นทีมให้มากที่สุด ทุกคนต้องวิ่งขึ้นลงทดแทนตำแหน่งกันได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เนเธอร์แลนด์ได้รับคำชมมาก ๆ ในเรื่องวิธีการเล่นที่สวยงามและมีเกมรุกอันร้อนแรง แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งการพยายามจะคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์เป็นเวลา 20-30 ปีก็ไม่ประสบความสำเร็จเสียที การเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

UFABETWIN

 

แม้กระทั่ง ไรนุส มิเชลส์ ผู้ให้กำเนิดโททัลฟุตบอลเองก็ยังเชื่อว่ามีบางอย่างที่ควรเพิ่มเข้าไป และเริ่มสร้างวิธีการเล่นใหม่ ๆ โดยมี ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น เป็นหัวใจสำคัญของทีมชุดนี้

เมื่อคนมันเก่งก็เน้น ๆ ไปเลย

“เนเธอร์แลนด์ ชุดปี 1988 คือทีมที่มีนักเตะพรสวรรค์รวมตัวกันมากที่สุด พวกเขามีครบทุกอย่างเท่าที่ทีมจะเป็นแชมป์ควรมี ทักษะเชิงบอล, ทัศนคติ, ความมุ่งมั่น และวิธีการเล่นเกมรุกที่หลากหลาย ใช่แล้วผมกำลังพูดถึง ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น” แมทธิว คริสต์ นักเขียนอิสระด้านฟุตบอลเริ่มวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทีมชุดปี 1988 ของทัพอัศวินสีส้มคว้าแชมป์

สิ่งที่ คริสต์ บอกคล้าย ๆ กับสิ่งที่ ไรนุส มิเชลส์ ยอมเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่น นั่นคือในเมื่อคุณมีนักเตะที่เก่งสุด ๆ เป็นตัวท็อปของโลกอยู่ในทีม ทำไมคุณไม่ใช้งานพวกเขาให้เต็มที่ไปเลย ให้บอลกับพวกเขาเยอะ ๆ ให้เป็นศูนย์กลางของทีม เพราะอย่าลืมว่านี่คือฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ วิธีการไม่ได้สำคัญเท่าผลลัพธ์ คุณจะวิ่งขึ้นลงตลอด 90 นาทีไปเพื่ออะไรในเมื่อสุดท้ายแล้ว แค่คุณส่งบอลไปให้คนที่ยิงประตูได้คุณก็สามารถเป็นผู้ชนะได้เหมือนกัน

ขณะที่นักเขียนชาวดัตช์อย่าง อธิบายความแตกต่างของ เนเธอร์แลนด์ ชุดที่มี ครัฟฟ์ เป็นตัวชูโรงกับยุค ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

เขาอธิบายเพิ่มว่าไม่ว่าคุณจะเก่งกาจมาจากไหนก็ตาม แต่ ไรนุส มิเชลส์ ในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้จะไม่สนจนกว่าจะมีคนที่เตรียมร่างกายในระดับที่ฟิตที่สุดได้ เปรียบเทียบง่าย ๆ คือขณะที่ทั้งโลกบอกว่า ครัฟฟ์ คือนักเตะเทวดา แต่ ไรนุส มิเชลส์ กลับเลือกนักเตะที่ดีที่สุดในแบบของเขาเป็นคนอื่น คนนั้นคือ พีท ไกเซอร์

“ครัฟฟ์นั้นเก่งที่สุดอยู่แล้ว แต่ไกเซอร์นั้นยอดเยี่ยมกว่าหากเรามองจากแนวทางการเล่นและวิธีการซ้อมในแบบของ ไรนุส มิเชลส์” นิโค กล่าว

“มิเชลส์เป็นคนที่ให้ความสำคัญเรื่องร่างกายเยอะมาก บางครั้งเขาให้นักเตะซ้อม 4 มื้อต่อ 1 วัน การซ้อมจะเริ่มตั้งแต่เช้าลากยาวไปจนถึงตอนเย็น เขาจะเข้มงวดกับผู้เล่นมากและตั้งกฎต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องระเบียบวินัยเพียบ คำพูดของเขาเป็นที่สิ้นสุด ถ้าคุณไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วย คุณก็เชิญออกจากทีมของเขาไปได้เลย”

ยิ่งฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนกับจุดเริ่มต้นของมันเท่านั้น ความเร็วในการเล่นอาจจะเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ แต่แกนหลักและการแก้ปัญหาเพื่อไปให้ถึงปลายทางยังคงเหมือนเดิม

นั่นคือสิ่งที่ ไรนุส มิเชลส์ ตกผลึกสำหรับทีมชุดปี 1988 แม้สเปคของนักเตะจะต้องไม่แตกต่างจากเดิม นั่นคือ แข็งแรง, มุ่งมั่น, มีทัศนคติที่ดี และเล่นเป็นทีม แต่สิ่งที่เขาจะเพิ่มเข้ามาในทีมชุดนี้คือการให้นักเตะระดับสตาร์ทั้ง ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น เข้ามาเป็นแกนหลักของทีม ในอดีตโททัลฟุตบอลของ ไรนุส มิเชลส์ นั้นจำเป็นอย่างมากที่นักเตะในทีมจะต้องทำตัวเป็น “คนแบกเปียโน” และ “มือโซโล่” ในเวลาเดียวกัน กล่าวคือทุกคนมีหน้าที่เหมือนกันทั้งทีม แต่ในยูโร 1988 มือโซโล่หลักจะเป็นหน้าที่ของ 3 ประสาน พวกเขาเป็นคนที่ผ่านช่วงวัยรุ่นมากับความล้มเหลวในเกมระดับทีมชาติ จนกระทั่งมาถึงปี 88 พวกเขาก็เติบโตเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ

มันเหมือนกลยุทธ์การปลดปลอกคอให้กับเหล่าสัตว์ป่าพวกนี้ ไรนุส มิเชลส์ ตัดสินใจให้อิสระกับพวกเขาเพิ่มขึ้นให้พวกเขาได้ออกอาละวาดกันเต็มที่ เหตุผลที่เดียวที่ มิเชลส์ ยอมทำเช่นนั้นคือเขาเชื่อมั่นในคุณภาพของทั้ง ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น ในแบบที่เขายอมเปลี่ยนวิธีการทำทีมที่เคยใช้มาตลอดชีวิตกุนซือ … และเมื่อปลอกคอหลุดออก เหล่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ก็ทำไม่ทำให้ “ท่านนายพล” ต้องผิดหวัง

แบกให้ไม่ผิดหวัง

เราแทบไม่ต้องอธิบายกันถึงความเก่งกาจของทั้ง ไรจ์การ์ด, กุลลิต และ ฟาน บาสเท่น มากมายนัก แม้คุณจะเกิดไม่ทันดูแต่ก็ไม่น่าใช่ปัญหาอะไร เพราะมีทั้งบทความหรือแม้กระทั่งคลิปวิดีโอที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมของพวกเขาให้ได้ดูกันในยุคนี้อยู่ไม่น้อย

แต่การที่ ไรนุส มิเชลส์ ปล่อยให้ทั้ง 3 คนได้โชว์ทักษะการแบกทีมนั้นมีเรื่องราวเบื้องหลังอยู่เล็กน้อย เพราะอย่างที่บอกถึงแม้เขาพยายามจะดัดแปลง “โททัล ฟุตบอล” ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ แต่มันก็ยังเหลือกลิ่นจาง ๆ ของคำว่า “สมดุลทีม” ไม่เปลี่ยนแปลง

ในรายของ ไรจ์การ์ด นั้น ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์เขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเป็นหลัก แต่ในยูโร 88 ไรจ์การ์ด โดน ไรนุส มิเชลส์ จับมาเล่นกองหลังคู่กับ โรนัลด์ คูมันน์ เพื่อสร้างแกนของเกมรับที่แข็งแกร่งที่สุด

เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น เนเธอร์แลนด์ คือชาติที่เล่นเกมบุกกันเป็นธรรมชาติ และในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์มันมีประโยคคลาสสิกที่บอกว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับทำให้คุณเป็นแชมป์” ซึ่งเมื่อเอากองกลางตัวห้องเครื่องมาเล่นในตำแหน่งกองหลัง สิ่งที่ทีมจะได้คือการออกบอลจากแนวรับในแบบที่ฟุตบอลปัจจุบันเรียกว่า“กองหลังการเล่นบอล”ที่แม้จะเน้นเกมรับเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อบอลออกจากเท้าของเขาก็สามารถสร้างจังหวะเกมบุกที่อันตรายให้กับทีมได้เช่นกัน

ถ้าคุณย้อนดูคลิปของ ไรจ์การ์ด สมัยยังเป็นนักเตะ คุณจะเห็นได้ทันทีว่าเขาเล่นเหมือนกับกองหลังสมัยใหม่ เร็ว, แข็งแรง, อ่านทางบอลดี, และออกบอลง่ายแต่มีประสิทธิภาพ และการขยับมาเล่นเซ็นเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะสมัยที่เขาเดบิวต์กับอาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม ไรจ์การ์ดก็เคยเล่นกองหลังมาก่อน และลักษณะทางกายภาพที่เป็นคนที่สูงระดับ 190 เซนติเมตร มีร่างกายแข็งแรง มีความบู๊และบุ๋นในตัวคนเดียว ก็ทำให้เนเธอร์แลนด์เสียประตูแค่ 3 ลูกในทัวร์นาเมนต์นั้น

ขณะที่ กุลลิต แทบไม่ต้องอธิบายให้มากมาย เขาถูกยกย่องให้เป็นหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดของยุค แต่วิธีการเล่นเบอร์ 10 ของกุลลิต จะแตกต่างกับเพลย์เมกเกอร์อย่าง ดิเอโก มาราโดนา หรือคนอื่น ๆ ในยุคเดียวกัน เพราะ กุลลิต คือคนที่โตมากับปรัชญาโททัล ฟุตบอล กล่าวคือเขาเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก ร่างกายใหญ่โต แข็งแรง แต่กลับมีความเร็วและเทคนิคสูง ในแต่ละเกมนักเตะอย่างกุลลิตจะเล่นหลายบทบาทมากในแดนกลาง

วิธีการเล่นคือเขาจะขยับถอยลงไปเล่นในแนวลึกและใช้การผ่านบอลหรือการเปลี่ยนสปีดที่เขาได้เปรียบจากช่วงขาที่ยาวมาก ช่วยให้เขาลากบอลผ่านคู่แข่ง บางครั้งเขายังช่วยเล่นเกมรับและเข้าปะทะได้อย่างแม่นยำ เรียกได้ว่าเป็นตัวรุกที่มีพลังไดนาโมแบบล้นเหลือ เหมาะสำหรับการเป็นหมากสำคัญในโททัล ฟุตบอล เวอร์ชั่นใหม่อย่างแท้จริง

“บทบาทของกุลลิตในยูโร 1988 ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อยกับฟอร์มการเล่นของเขา ผมต้องใช้คำว่าทรงพลังและน่าจดจำ ตั้งแต่ทรงผมเดรดล็อกไปจนถึงการขับเคลื่อนเกมอย่างอิสระและนำวิธีการเล่นของทีมไปอีกระดับ เขามักจะเริ่มต้นด้วยการยืนต่ำก่อนจะรุกไปข้างหน้า เขาสาวเท้าและขายาว ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ รู้ตัวอีกทีเขาก็ทิ้งฝั่งตรงข้ามไว้เบื้องหลังแล้ว” แฮร์รี่ ไดมอนด์ บรรณาธิการของ เว็บไซต์ที่มักจะเขียนถึงเรื่องราวเก่า ๆ คลาสสิก ๆ ของโลกฟุตบอล กล่าวถึงกุลลิตได้อย่างตรงความ

 

UFABETWIN

 

คุณมีกองหลังที่ยอดเยี่ยมทั้งรับและรุกแล้ว คุณมีกองกลางตัวรุกที่สมบูรณ์แบบแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่กองหน้าตำแหน่งที่มีหน้าที่คอยยิงประตูตัดสินเกม และ ฟาน บาสเท่น คือคน ๆ นั้น โดยในยูโร 1988 เรียกว่าคือทัวร์นาเมนต์ของเขาเลยจริง ๆ ก็ว่าได้

เดิมทีก่อนยูโร 1988 จะเริ่ม ฟาน บาสเท่น มีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้าจากการเล่นให้กับต้นสังกัด เอซี มิลาน จนไม่สามารถลงเล่นได้เต็มที่ จนถึงขนาดที่เจ้าตัวเคยบอกว่าการเข้าผ่าตัดในช่วงปี 1987 คือจุดเปลี่ยนในอาชีพของเขาอย่างแท้จริง

“หลังจากผ่าตัดในปี 1987 ข้อเท้าของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าจะบอกว่ามันต่างไปขนาดไหนก็คงต้องบอกว่า จากเต็ม 100 เหลือแค่ 80% เท่านั้น” ฟาน บาสเท่น กล่าว

แต่สำหรับ เนเธอร์แลนด์ ในครั้งนั้นจะกี่ % ก็ต้องเข็นกันไปให้จนสุดทาง พวกเขามี โรนัลด์ คูมัน ในเกมรับ, แฟรงก์ ไรจ์การ์ด เป็นกองหลังกึ่งห้องเครื่อง และ รุด กุลลิต เป็นจอมทัพ ขอเพิ่มแค่หัวหอกอย่าง ฟาน บาสเท่น อีกคน เนเธอร์แลนด์ ในยุคของนายพล ไรนุส มิเชลส์ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีกแล้ว

สมาคมฟุตบอลดัตช์ถึงกลับทำเรื่องเจรจากับ เอซี มิลาน เป็นกรณีพิเศษ พวกเขาขอร้องให้ มิลาน ให้ความสำคัญกับการพักฟื้นของ ฟาน บาสเท่น เป็นอย่างมาก เพราะต้องการให้ ฟาน บาสเท่น มีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุดเมื่อยูโรมาถึง ดังนั้น มิลาน จึงไม่ใช้งานเขาอีกเลยหลังจากการผ่าตัดข้อเท้า ทำให้เขาได้ลงสนามเพียง 19 เกมรวมทุกถ้วยเท่านั้น

และเมื่อทัวร์นาเมนต์ยูโร 1988 เริ่มขึ้น นัดแรกที่ เนเธอร์แลนด์ พบกับ โซเวียต ไรนุส มิเชลส์ ก็สั่งให้ ฟาน บาสเท่น นั่งเป็นตัวสำรองเพื่อขยายเวลาฟื้นฟู ซึ่งในเกมนั้น เนเธอร์แลนด์ ก็แพ้โซเวียตไป 0-1 และเป็นการแพ้เพียงเกมเดียวในทัวร์นาเมนต์นั้นของพวกเขา

การแพ้ครั้งนั้นทำให้ เนเธอร์แลนด์ เข้าตาจน พวกเขาจำเป็นต้องวาง “แกนหลัก” ตำแหน่งสุดท้ายลงสนามในเกมที่เหลือ จากนั้น ไรนุส มิเชลส์ ก็หย่อนเอา ฟาน บาสเท่น ลงเป็นตัวจริงในเกมกับอังกฤษ และเขาจบเกมนั้นด้วยการยิงแฮตทริกช่วยให้ทีมชนะไป 3-1

หน้าที่ของ ฟาน บาสเท่น ในเนเธอร์แลนด์ชุดนั้นถือว่าเป็นคนที่มีบทบาทชัดเจนไม่ต้องตีความมากที่สุด เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่บอลเยอะ เพราะหน้าที่เหล่านี้มีพวกสายไดนาโมหลายคนรับหน้าที่แทนไปแล้ว อย่าลืมว่าแทบทั้งทีมเนเธอร์แลนด์ชุดนั้นฝึกหนักมากก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม และการฝึกหนักแบบนั้นอาจจะมีเหตุผลมาจากการที่พวกเขาต้องทำหน้าที่ไล่บอลหรือเข้าปะทะแทน “ตัวพิเศษ” ที่ส่งลงมายิงอย่างเดียวอย่าง ฟาน บาสเท่น

เมื่อ ฟาน บาสเท่น ลงสนามทุกอย่างก็ลื่นไหลและไม่มีใครหยุดเนเธอร์แลนด์ชุดนั้นอยู่จริง ๆ แม้กระทั่ง เยอรมันตะวันตก ก็เอาไม่ลง ในเกมรอบตัดเชือกกับทัพอินทรีเหล็กนั้น เนเธอร์แลนด์ แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แน่นหนาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาเสียประตูเดียวจากจุดโทษของ โลธาร์ มัทเธอุส แต่เวลาที่พวกเขาเล่นเกมบุก การฝากบอลไปที่นักเตะอย่าง ฟาน บาสเท่น คือจุดเปลี่ยนของเกมจริง ๆ

จังหวะตีเสมอของ เนเธอร์แลนด์ นั้นเกิดจากการลากเข้าไปในกรอบเขตโทษของ ฟาน บาสเท่น ก่อนที่ คูมัน จะยิงจุดโทษตีเสมอเป็น 1-1 และหลังจากนั้น ฟาน บาสเท่น ก็หลุดเดี่ยวและล้มตัวยิงจังหวะเดียวบอลเสียบเสาไกลให้ เนเธอร์แลนด์ ชนะ เยอรมันตะวันตก ไป 2-1

และแน่นอนที่สุดในนัดชิงชนะเลิศ ประตู “ใบไม้ร่วง” ที่ทำให้ เนเธอร์แลนด์ ชนะ โซเวียต 2-0 (กุลลิต ยิงลูกแรก) คือการปิดฉากยูโร 1988 ครั้งนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดาวยิงที่เกิดมาเพื่อยิงอย่างเดียวก็ไม่ทำให้เพื่อน ๆ ที่ต้องวิ่งแทนในส่วนของเขาต้องผิดหวังอย่างแท้จริง

“ทุกครั้งที่ ฟาน บาสเท่น เคลื่อนที่ นั่นหมายถึงเขามองเห็นโอกาสทำประตูให้กับทีมแล้ว” อาร์โนลด์ มูห์เรน กองกลางของเนเธอร์แลนด์ชุดนั้นที่เป็นคนวางบอลยาวให้ ฟาน บาสเท่น ยิงลูงยิงในตำนานเริ่มอธิบาย

“บอลมันหลุดมุมที่เขาจะยิงได้ไปแล้วนะ ผมคิดว่า แย่จริง เขาต้องแก้ไขด้วยการดึงบอลลงมาเล่นแน่นอน แต่คนอย่างเขาแปลกอยู่อย่างหนึ่ง … คุณเดาใจเขาไม่ได้เลย เมื่อคุณคิดว่าจะทำอย่างหนึ่งเขาจะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป … เปรี้ยงเดียวเท่านั้น เขาดึงทุกสายตากลับเข้ามาสู่เกมนี้อย่างแท้จริง” มูห์เรน เล่าต่อ

“ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้ายิง ถ้าคุณสังเกตหน้าของ ไรนุส มิเชลส์ คุณจะรู้ได้เลยว่าเขายังจับอารมณ์ไม่ถูกว่าจะรู้สึกอย่างไร แม้แต่ตัวของมาร์โกเองก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน”

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ 3 ทหารเสือดัตช์ บรรเลงเพลงของพวกเขาในยูโร 1988 อันที่จริงจะบอกว่าเป็นแชมป์ยูโรครั้งนี้เกิดจากโททัล ฟุตบอล เวอร์ชั่นใหม่ก็คงจะไม่ถูกนัก มันควรจะถูกเรียกว่า “โททัล ฟุตบอล ที่สมบูรณ์แบบที่สุด” มากกว่า เพราะบางครั้งคนบางคนก็เหมาะกับงานแค่บางประเภท และนั่นคือสิ่งที่ ไรนุส มิเชลส์ ตกพลึงจนบันดาลแชมป์แรกและแชมป์เดียวของเนเธอร์แลนด์ในรายการระดับเมเจอร์ได้สำเร็จ

คุณมีกองหลังที่แข็งแรง ผ่านบอลดี มีความเร็ว คุณก็แค่ให้เขาได้เป็นคนที่เริ่มเล่นบอลจากแนวหลัง เพราะบอลจากเท้าของเขาสามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ในทันที

คุณมีจอมทัพที่กล้าท้าดวล 1-1 กับทุกคนบนโลกนี้ คุณก็ให้เขาทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด เอาชนะคู่แข่งและพาบอลไปยังพื้นที่สุดท้าย ไม่ว่าจะด้วยการผ่านหรือเลี้ยงก็ไม่ใช่ปัญหา

เพราะเมื่อบอลมาถึงพื้นที่สุดท้าย คุณมั่นใจได้ว่าจะมีคนที่ถูกยกย่องว่า “เกิดมาเพื่อยิงประตู” คอยจัดการให้ความพยายามในการแย่งบอลและเอาบอลมาสร้างเกมรุกของเพื่อน ๆ ร่วมทีมไม่สูญเปล่า

ทุกคนในทีมล้วนมีความสำคัญ แต่พวกเขาเหล่านี้ที่เราได้กล่าวถึงคือคนที่สร้างความแตกต่างในเกมที่ทีมต้องการบางอย่างที่พิเศษ … หากไม่มี 3 ทหารเสือดัตช์ ในทีมชุดนั้น เนเธอร์แลนด์ อาจจะถูกเรียกว่าราชาไร้บัลลังก์ก็เป็นได้

UFABETWIN

UFABETWINS แมนฯยู-อเลสซานโดร บาสโตนี่

UFABETWINS มีรายงานว่า อเลสซานโดร บาสโตนี่ สตาร์ของอินเตอร์ มิลาน ‘วางเท้าลง’ เพื่อหยุดการย้ายไปยังท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในช่วงฤดูร้อนนี้

UFABETWINS 54 ล้านปอนด์ดาราเซเรียอา ‘วางเท้าลง’ เพื่อดูถูก ทำงานร่วมกับหัวหน้าทีมเมื่อชาวอิตาลีดูแลทีมยักษ์ใหญ่ของ จนถึงฤดูร้อนที่แล้ว ผู้เล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกที่ถูกแทนที่ด้วยการเซ็นสัญญาใหม่แต่ยังไม่ได้ขายนักเตะวัย 23 ปีฉายแววให้กับอินเตอร์อีกครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยสร้างความประทับใจ

ให้กับแบ็คสามคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะกับแนวทางที่คอนเต้เล่นที่สเปอร์สความสนใจของสเปอร์สลดน้อยลง และพวกเขาก็ได้เสร็จสิ้นการลงนามเงินกู้ของจากบาร์เซโลนา และตัวแทนชาวอิตาลีได้ให้ความกระจ่างถึงเหตุผลที่เป็นไปได้สำหรับสโมสรทางตอนเหนือของลอนดอนที่ยอมแพ้ในความพยายามที่จะหลอก

ล่อ ขณะพูดคุยกันถึงโอกาสของอินเตอร์และยูเวนตุสในการเซ็นสัญญากลีสัน เบรเมอร์ของโตริโน่ บรามบาติเปิดเผยว่าอินเตอร์ “ประเมิน” ความสนใจของสเปอร์ส ก่อนที่บาสโตนี่จะยืนยันว่าเขาไม่ต้องการย้ายออกเราจำเป็นต้องเข้าใจว่าถึงกำหนดการขาย ที่เป็นไปได้หรือเป็นการขายในจำนวนที่ยอมรับได้ดีกว่า

คุณจำเป็นต้องขายหรือไม่? ฉันยังไม่เข้าใจสิ่งนี้”มีคนถามเกี่ยวกับนั่งลงเพื่อประเมิน เป็นท็อตแนมที่ทดสอบภาคพื้นดิน อย่างไรก็ตามผู้เล่นวางเท้าลงเพราะเขาไม่ต้องการจากไป”ในขณะเดียวกัน ได้เสนอแนะการลงนามของ “ผู้ชนะ”อาจทำให้ได้เปรียบเหนือท็อตแนมในพรีเมียร์ลีกถ้าคุณดูสเปอร์ส, ซน [ฮึง-มิน] และ

[แฮร์รี่] เคน vs เอ็นเคเทียห์ – ไม่มีอะไรเทียบกับเอ็ดดี้ เขายังเป็นเด็ก เขายังคงเรียนรู้ – และลากาแซตต์ คุณใส่เงินของคุณไปที่สเปอร์สเพื่อข้ามเส้น” กล่าวแต่พระเยซู เขาเป็นผู้ชนะ เขาอยู่ในฝ่ายที่ชนะ ดังนั้นเขาจึงต้องนำความคิดนั้นมาสู่ทีมในตอนนี้การทำงานร่วมกันในทีมที่ฉันเห็น ฉันได้อยู่รอบ ๆ ทีมที่ประสบความ

สำเร็จอย่างมากในอาชีพของฉัน และฉันรู้ดีว่าเมื่อใดที่คุณมีทีมที่ดีผมเห็นว่าพวกเขามีทีมที่ดี ยังมีหนทางอีกยาวไกล อาจมีการเซ็นสัญญาอีกสองสามคู่มาด้วยเช่นกัน มองจากภายนอกตอนนี้ก็ดูดี”เดอ ยอง รับเสื้อที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเนื่องจากอาร์เซนอลโง่ ๆ ล้มเหลวในการเซ็นสัญญากับเดอบรอยน์ในเสื้อ

หมายเลข 21 ที่เขาอาจจะหรือไม่อาจเล่นที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสื่อฟุตบอลวันนี้งี่เง่าเป็นพิเศษ โดยลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้หมายเลขเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฝันของเขา จากนั้นก็ถูกถอดออกไปอีกครั้งขี้เห่อสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในโลกที่ไม่ธรรมดาของหมายเลขเสื้อในฝันลิซานโดร มาร์ติเนซ

คว้าเบอร์เสื้อในฝันได้หลังการประกาศของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’อาจถูกปฏิเสธหมายเลขทีมในฝันที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด’เกิดอะไรขึ้นในสองวันที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือมีคนในทีมสามารถคว้าหมายเลขเสื้อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฝันได้หลังจากการตัดสินใจเรื่องสัญญา’และ ‘หมายเลขเสื้อในฝัน’ ของคือ 21 เช่นกัน

ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถ่วงเวลาการโอนแต่นี่คืออะไร? ‘เป้าหมายของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงไม่สวมเสื้อหมายเลข 21’ ปรากฏในเมื่อเร็ว ๆ นี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมคำอธิบายนั้นมาเมื่อเขาเข้าร่วมบาร์เซโลนาจริง ๆ และกล่าวว่า: “ฉันรู้สึกสบายใจกับตัวเลขนั้น ฉันสามารถเล่นกับหมายเลขอื่นได้

อย่างง่ายดาย มันไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ดีที่มันทำให้คนอื่นรู้จักฉันด้วย”วุ้ย. และอีกสามวันต่อมา ‘ลิซานโดร มาร์ติเนซ อาจถูกปฏิเสธหมายเลขทีมในฝันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ เพราะเดอ ยอง? บางคนไม่ได้ตระหนักว่าจริงๆ แล้ว เดอ ยอง ไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดนั้น หรือที่สำคัญคือบางคนไม่สนใจว่าไม่ใช่คนโง่เพราะ

‘หมายเลขเสื้อในฝัน’ เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่างชัดเจนมิดฟิลด์รายนี้ที่ยูไนเต็ดไล่ตามมา 10 สัปดาห์แล้ว สวมหมายเลขนั้นที่อาแจ็กซ์ก่อนมาร์ติเนซ อ้างสิทธิ์ที่บาร์เซโลน่า และทำให้เป็นของตัวเองในทีมชาติดัตช์ด้วย ชัดเจนว่าเสื้อแข่งมีความหมายมากสำหรับ และไม่น่าเป็นไปได้ที่ จะใช้สารให้ความหวานจากโต๊ะเมื่อ

การย้ายนั้นพิสูจน์ได้ยาก ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เราสงสัยว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมอบเสื้อหมายเลข 21 ให้กับ ไม่ใช่ผู้เปลี่ยนเกมที่ ต้องการให้เราเชื่อ (วันนี้) หากเดอ ยองเอาชนะการไม่มีฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกและบาร์เซโลน่าเป็นหนี้ 17 ล้านปอนด์ เขาอาจจะแค่รับมือกับการใส่อย่างอื่นที่ไม่ใช่ ‘หมายเลขเสื้อในฝัน

เชลซีเองก็ตกเป็นข่าวกับบาสโทนี่ด้วย โดยที่อินเตอร์กล่าวว่าเต็มใจจะรับฟังข้อเสนอราว 54 ล้านปอนด์สำหรับเขา’

ที่ชัดเจนว่าเขาชัดเจน เหมือนกับผู้ใหญ่ที่ฉลาดที่สุด สับสนอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับเฟร็ดพูดถูกหากมีสิ่งใดที่ชอบมากกว่า ‘หมายเลขเสื้อในฝัน’ ก็คือ ‘ไม่สามารถดรอปได้’ เมื่อสองปีที่แล้วมี 18 คนยินดีด้วย Erik Ten Hag เพราะสองเกมกระชับมิตรในนั้น เขา ‘อาจค้นพบว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนแรกของเขาไม่สามาร

UFABETWINS

ถดรอปได้อยู่แล้ว’ โห่เฟร็ดเป็นเพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีมิดฟิลด์ตัวกลางรุ่นพี่แค่สองคนหรือเปล่า? ใช่ เฟร็ด เพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีมิดฟิลด์ตัวกลางระดับสูงเพียงสองคนเท่านั้นพระเยซูคริสต์ นี่อีกแล้ว…ในวันจันทร์ที่ ผู้น่าสงสารเขียนว่ามีความสุขมากกว่าที่จะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่โดยปราศจากกอง

หน้าที่รู้จักในขณะที่เขาพึ่งพาพระเยซูและให้อยู่ในสี่อันดับแรก’และตอนนี้ในวันอังคารที่เพื่อนร่วมงานของเขากำลังถามคำถามที่เขาคิดว่าเป็นคำถามที่ฉลาดมาก: ‘ถ้าพระเยซูเป็นหมายเลข 9 ที่เหมาะสมจริง ๆ ทำไมจึงไม่เล่นให้เขาเป็นประจำมากขึ้นเมื่อ ไม่มีกองหน้าผู้เชี่ยวชาญอาวุโสคนอื่น ?’คิดด์ไม่ใช่คนงี่เง่าและ

เขารู้คำตอบอย่างแน่นอน: เป๊ป กวาร์ดิโอล่าคนนั้นเชื่อว่าสไตล์การกดดันสูงของพระเยซูเหมาะกับซิตี้มากกว่าเมื่อยืนเป็นปีก และด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยใน 5 ฤดูกาล เราสงสัยว่าเขาอาจเชื่อถูกต้องตามที่ชายคนนั้นพูด: “ฉันคือหมายเลขเก้า! ฉันเป็นกองหน้า คุณก็รู้ ฉันดีใจมากและขอบคุณพระเจ้าทุกวันที่

ฉันสามารถมีชีวิตอยู่ และฉันสามารถเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันสามหรือสี่ตำแหน่ง แต่ฉันคิดว่าตำแหน่งของฉันคือเก้า”เราควรปล่อยให้เขาแสดงให้เราเห็นหรือไม่?พวกเราคือแชมป์นะเพื่อนฉันรู้ว่าอาร์เตต้าจะชี้ให้เห็นความจริงที่ว่าทั้งกาเบรียล เชซุสและซินเชนโก้เป็นผู้ชนะ แต่มาเผชิญหน้ากัน ดีอย่างที่พวกเขา

เป็น หากคุณเลือกห้าหรือ 10 ผู้เล่นซิตี้ที่เป็นแรงผลักดันเบื้องหลังการคว้าถ้วยรางวัลทั้งหมดของพวกเขา จะมีคุณสมบัติหรือไม่’ไม่เลย แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไม่ขายนักเตะเหล่านั้น ใช่ไหม นั่นเป็นข้อโต้แย้งที่น่าหัวเราะคนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด จะบอกว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุด และดังนั้นจึงต้อง

มีเหตุผลที่กวาร์ดิโอล่าจะใช้พวกเขาเท่าที่จำเป็น” นั่นอาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเขามีผู้เล่นที่ดีกว่าในตำแหน่งของพวกเขาหรือเขาไม่คิดว่าจะสามารถทำให้เขามีความมั่นคงที่เขาต้องการมากกว่าแปด, 9 หรือ 10 เกมติดต่อกัน”ประการแรก ‘เท่าที่จำเป็น’ ของสโมสรหนึ่งก็คือ ‘กฎเกณฑ์’ ของอีกสโมสรหนึ่ง

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> UFABETWINS
หน้าแรก >>> บ้านผลบอล